วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

7 สุดยอดอาหารลดน้ำหนักแห่งปี 2017

7 สุดยอดอาหารลดน้ำหนักแห่งปี 2017

7 สุดยอดอาหารลดน้ำหนักแห่งปี 2017

ในแต่ละปี ก็จะมีการแนะนำเทรนด์ของการลดน้ำหนักใหม่ๆ ออกมาเสมอ บางอย่างเปิดตัวออกมาไม่นานก็หายไป บางอย่างก็ยังเป็นเทรนที่นิยมปฏิบัติกันต่อเนื่องมา โดยในช่วงปีที่ผ่านมานั้น เรามักจะได้ยินเรื่องของการนับแคลอรี่ สูตรอาหารหลากหลายเมนู อาหารคลีน ผักผลไม้ปั่น และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ทั้งนี้ แต่ละแนว แต่ละส่วนผสม  แต่ละเทคนิค ก็มีความแตกต่างกันไป ซึ่งแน่นอนว่าก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องของอาหาร กับคุณประโยชน์ของมันแล้ว ผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรมอาหารบอกว่าอาหาร 9 ชนิดนี้ เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการควบคุมน้ำหนัก เพื่อคุณจะได้มีความสุข และสุขภาพดี ตลอดปี 2017 ค่ะ

  1. เลือกรับประทานอาหารเพื่อจุลินทรีย์ในร่างกาย
kimchi
กระหล่ำดองไม่ใช่แค่ของตกแต่งโรยหน้าฮอตดอก กิมจิ ก็ไม่ใช่แค่เครื่องเคียง หรือของตกแต่งข้างจานให้ดูสวยงาม แต่อาหารพวกนี้ มีประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ในร่างกายของเรา ดังนั้น เราไม่ควรจะเขี่ยมันออกอีกต่อไปแล้ว เพราะอาหารพวกนี้ มีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 

จุลินทรีย์ในร่างกายของเรานั้นประกอบด้วยแบคทีเรียที่มีชีวิตอยู่เกือบ 3 กิโลกรัม ส่วนมากจะอยู่ในระบบย่อยอาหารของเรา โดยเฉพาะแบคทีเรียในลำไส้นั้น ส่งผลต่อตัวเราตั้งแต่เรื่องของความสุขไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยรวมของเราเลยทีเดียว 

สำหรับทั่ว ๆไป ที่เรารับประทานกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ นมเนย อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลเยอะ เหล่านี้ ล้วนไม่ดีต่อ จุลินทรีย์ใสนร่างกายของเราทั้งนั้น อีกทั้งยังขาดไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น การที่เรามี จุลินทรีย์ในร่างกายที่ไม่สมดุล จะนำไปสู่อาการป่วยได้หลายโรค ทั้งโรคภูมิต้านตนเอง โรคทางเดินอาหารอักเสบเรื้อรัง และโรคไทรอยด์อักเสบ 

แต่ทั้งนี้ หากเราสามารถรับประทานได้อย่างเหมาะสม เลือกอาหารที่มีคุณค่า ระบบร่างกายของเราก็จะแข็งแรง สามารถต่อสู้กับความเครียดในชีวิตประจำวันได้
  1. ผักใบเขียวรสขม

    spinach

    อาหารที่มีรสขมส่วนมากจะมีคุณค่าอาหารสูง และมีไฟเบอร์ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ต้องการลดน้ำหนักรู้กันดีว่าต้องรับประทานไฟเบอร์ นอกจากไฟเบอร์จะช่วยระบบการย่อยอาหารแล้ว มันยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร และเป็นตัวช่วยเคลื่อนย้ายของเสียไปยังลำไส้ ผักและผลไม้ที่มีรสขม จะมีแคลอรี่ต่ำ มีวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งจะช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักได้ดี 
  2. ถั่วชนิดต่างๆ

    nuts-beans


    แน่นอนว่าอาหารจำพวกถั่วนั้น เป็นของว่างของขบเคียวที่ดี มีคุณค่าอาหารสูง ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นยอดอาหาร หรือซูเปอร์ฟู้ด เนื่องจากมันมีกรมอะมิโน ที่มีความจะเป็นต่อร่างกาย ช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน และช่วยลดน้ำหนัก ช่วยทำให้อารมณ์ดี สงบ และนอนหลับได้ดี 

  3. เทฟ (Teff)

    teff


    เทฟ เป็นธัญพืช ที่มีประโยชน์มาก เทฟ มีกรดอมิโนสูง และมีไซรีนสูง นอกจากนี้ยังมีโปรตีนที่มีความจำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อ และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม คอปเปอร์ ไฟเบอร์ วิตามินเค แมงกานีส ซิงค์ และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ไฟเบอร์ในเทฟมีความสำคัญต่อลำไส้ เมื่อลำไส้ดี ความสมดุลของน้ำหนักก็ตามมา
  4. ซุปใส

    chicken-broth


    ซุปใส โซเดียมต่ำ เป็นตัวช่วยในเรื่องของการดีท็อกซ์ หรือทำความสะอาดระบบร่างกาย หลายๆ คนบอกว่าเคยได้ยินแต่เรื่องการใช้น้ำผลไม้ช่วยในกรณีนี้ แต่หากเราต้องการดีท็อกซ์ หรือทำความสะอาดระบบร่างกาย เราต้องรับประทานอาหารคลีน รับประทานซุปนั้นก็เป็นวิธีที่ดี แถมยังเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปอีกเป็นจำนวนมาก เช่นไฟเบอร์ โปรตีน ซึ่งจะไม่มีในน้ำผลไม้แถมยังมีน้ำตาลน้อยกว่าน้ำผลไม้อีกด้วย ทำให้การดูดซืมอาหารเป็นไปได้ง่ายขึ้น
  5. ชาเขียว

    matcha-green-tea


    ชาเขียว หรือมัทฉะเป็นอาหารที่ผู้รักสุขภาพรู้จักกันดี นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้วยังเพิ่มพลังงาน เราสามารถใส่ผงมัทฉะลงไปในอาหารหลายอย่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการย่อยอาหารระหว่างวัน มีการศึกษาพบว่า การดื่มเครื่องดื่มมัทฉะ ช่วยเพิ่มการทำงานให้กับระบบการย่อยอาหาร ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้เร็วกว่าปกติ 3 ถึง 4 เท่า โดยไม่มีผลข้างเคียงใดเหมือนกับกาแฟ ที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ หรือมีผลต่อความดันโลหิต นอกจากนี้ ยังมีผลโดยตรวต่อการลดน้ำหนักเพราะช่วยขจัดสารพิษ และโลหะหนักในระบบร่างกายของเราออกด้วย
  6. โปรตีนจากพืช

    mushroom


    พืชเป็นปัจจัยหลักสำหรับการดูแลสุขภาพและการควบคุมน้ำหนัก ยิ่งพื่ชที่มีโปรตีนก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ ดีกว่าที่เราจะต้องไปเลือกรับประทานพวกโปรตีนผงอื่น ๆ วิธีที่ดีสำหรับการควบคุมน้ำหนักก็คือ ลดการบริโภคโปรตีนจากสัตว์ และทดแทนด้วยโปรตีนจากพืช วิธีนี้จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคเบาหวาน ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
เคล็ดลับอีก 1 ข้อที่อยากแนะนำคือ ดีท็อกซ์จิตใจ ใช่เพียงแค่อาหาร คำกล่าวนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การขจัดความคิดในเชิงลบออกจากสมองนั้น มีความสำคัญไม่แพ้การเลือกรับประทานอาหาร เพราะร่างกายของเราต้องการทั้งอาหารที่มีคุณค่า และการขจัดความเครียด เพื่อทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคของเราทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ วิธีการก็คือ ให้สังเกตดูว่า ตัวเราเองมีปฏิกิริยาวิตกกังวล หรือโกรธ ในสถานการณ์แบบใดบ้าง จากนั้นก็พยายามหาวิธีปรับเปลี่ยนความคิด อารมณ์ ในการรับสถานการณ์ 

มีการวิจัยพบว่า พฤติกรรมของเราเอง อาทิ การนอน การรับประทานนั้น มีส่วนช่วยให้เราควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีขึ้น หากเรานอนไม่หลับ ลองพยายามลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ก่อนเวลาเข้านอน ส่วนอาหารเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จำพวกอาหารคลีน ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน เมื่อเราสุขภาพดี อารมณ์ดีแล้ว ทัศนคติ มุมมองของชิวตก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้การดูแลสุขภาพและการควบคุมน้ำหนักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

และอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คือ Lipotwin

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกิน สารสกัดจากธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมจาก ผงบุก และส้มแขก ซึ่งปลูกแบบออร์แกนิค จึงช่วยลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนอย่างปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนประกอบของยากดประสาท หรือสารเคมี

ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ลดจริง!!

พี่แอนทานไลโปทวินก่อนอาหารเช้าและเย็น 30 นาที ครั้งละ 2 เม็ด นาน 6 เดือน

ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือขอรับปรึกษาได้ฟรี!


Tel : 086-357-1000

Line : lp_twin , @lipotwin (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)

หรือคลิ๊ก>> http://line.me/ti/p/~lp_twin 

Facebook : Lipotwin Official >>https://www.facebook.com/Lipotwin/

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

10 เมนูอาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม ประโยชน์สองต่อเพื่อสุขภาพ



อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม
        เติมแคลเซียมกันเถอะ ! ชวนทำเมนูอาหารไทยช่วยบำรุงกระดูก เป็นสูตรอาหารที่คุ้นลิ้นมีคุณค่าสองต่อ ทำง่ายแบบนี้แชร์รัว ๆ กันเลย 
 
        รู้ไหม ? อาหารไทยที่คุ้นเคยช่วยเสริมสร้างกระดูกได้ด้วยนะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอเมนูอาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม แต่ละส่วนผสมนอกจากมีคุณค่าทางอาหารแล้วยังพ่วงประโยชน์ต่อกระดูกและฟันอีกด้วย ฉะนั้นอย่ารอช้าเลื่อนลงไปจดสูตรรัว ๆ เลยจ้า 

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

1. น้ำพริกกะปิ+ปลาทู

     อาหารบำรุงกระดูกเมนูแรกเชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยแน่นอน นี่ไงเมนูน้ำพริกกะปิกับปลาทู ส่วนผสมแต่ละอย่างมีแคลเซียมทั้งนั้นเลย ไปซื้อเครื่องเคราให้พร้อมลุยกันเถอะ 

     • กะปิ มีปริมาณแคลเซียม 1,556 มิลลิกรัมต่อกะปิ 100 กรัม
     • พริกขี้หนู มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม
     • กระเทียม มีปริมาณแคลเซียม 5 มิลลิกรัมต่อกระเทียม 100 กรัม
     • หอมแดง มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม
     • ปลาทูทอด มีปริมาณแคลเซียม 136 มิลลิกรัมต่อปลาทู 100 กรัม


ส่วนผสม น้ำพริกกะปิ
     • พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ 
     • กระเทียม (ปอกเปลือก) 1 ช้อนโต๊ะ 
     • หอมแดง (ปอกเปลือก) 1 หัว 
     • กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ 
     • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
     • มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
     • พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)
     • ผักสด หรือผักลวก (ตามชอบ)
     • ปลาทูทอด 1 ตัว

วิธีทำน้ำพริกกะปิ
     1. โขลกพริกขี้หนูสวน กระเทียม และหอมแดงพอหยาบ 
     2. ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ และมะเขือพวงลงโขลกให้เข้ากัน
     3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
     4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟคู่กับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 8 เมนูน้ำพริกกะปิ หลากสูตรอร่อยในถ้วยเดียว

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

2. ยำถั่วพู 

     รู้ไหมว่าถั่วพูที่จิ้มกับน้ำพริกก็มีแคลเซียมแฝงอยู่ด้วยนะคะ ถ้าหากเบื่อกินกับน้ำพริกก็แปลงร่างทำยำถั่วพู สูตรจาก คุณเนินน้ำ ใส่เนื้อสัตว์ตามชอบ กินกับไข่ต้มเพิ่มโปรตีน

     • ถั่วพู มีปริมาณแคลเซียม 33 มิลลิกรัมต่อถั่วพู 100 กรัม
     • กุ้งสด มีปริมาณแคลเซียม 63 มิลลิกรัมต่อกุ้งสด 100 กรัม
     • พริกแห้ง มีปริมาณแคลเซียม 59 มิลลิกรัมต่อพริกแห้ง 100 กรัม
     • หอมแดงเจียว มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม


ส่วนผสม ยำถั่วพู
     • หมูสับ
     • กุ้งสด
     • หอมเจียว
     • กระเทียมเจียว
     • พริกแห้งทอด
     • หมึกแห้งทอดกรอบ
     • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด บุบพอแหลก
     • ถั่วพู
     • น้ำมะนาว
     • น้ำปลา
     • น้ำตาลปี๊บ
     • น้ำพริกเผา
     • หัวกะทิ
     • หอมแดงซอย
     • ไข่ต้มยางมะตูม

วิธีทำยำถั่วพู
     1. ลวกหมูสับและกุ้งสดพอสุก ตักขึ้นพักไว้  
     2. ล้างถั่วพูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก นำไปแช่ในน้ำเกลือละลายเจือจาง (เพื่อป้องกันไม่ให้ถั่วพูดำ) จากนั้นตั้งน้ำให้เดือดจัด นำผักลงลวกเร็ว ๆ ตักใส่อ่างน้ำเย็นแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
     3. ทำน้ำยำ โดยผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำพริกเผา คนผสมให้ละลายเข้ากัน ชิมรสตามชอบ
     4. ใส่กะทิลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่หมูและกุ้งที่ลวกสุกไว้ลงไปผสมให้เข้ากัน ใส่ถั่วพูที่ลวกไว้กับหอมแดง โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และปลาหมึกแห้งทอดลงไปครึ่งหนึ่ง ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันดี 
     5. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมเจียว กระเทียมเจียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หมึกแห้งทอดที่เหลือ และพริกขี้หนูทอด แนมด้วยไข่ต้มยางมะตูม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ยำถั่วพูกุ้งสด อร่อยแซบรสกลมกล่อม

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

3. ผักคะน้าผัดน้ำมันหอย 

     ผักคะน้ามีปริมาณแคลเซียมสูงเทียบเท่ากับนมสดตั้งแก้วหนึ่ง ขอยกตัวอย่างเมนูง่าย ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ทำนั่นคือ ผักคะน้าผัดน้ำมันหอย สูตรจาก นิตยสาร Mother&Care ใส่พริกเพิ่มความแซ่บ ลองทำกินกับคนพิเศษสิคะ  

     • ผักคะน้า มีปริมาณแคลเซียม 245 มิลลิกรัมต่อผักคะน้า 100 กรัม (เทียบเท่ากับการดื่มนม 1 แก้ว)

ส่วนผสม ผักคะน้าผัดน้ำมันหอย
     • ก้านคะน้าและยอดอ่อนหั่นท่อน
     • เห็ดหอมสด หั่นชิ้น (ล้างสะอาด)
     • พริกขี้หนูกับกระเทียมตำละเอียด 
     • เต้าเจี้ยว
     • น้ำมันหอย
     • น้ำตาลทราย
     • น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำผักคะน้าผัดน้ำมันหอย
     1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย พอร้อนใส่พริกขี้หนูและกระเทียมตำลงไปผัดจนหอม ใส่เต้าเจี้ยวลงไป  
     2. ใส่เห็ดหอมและก้านคะน้าลงไปผัด
     3. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและน้ำตาลทราย อาจเติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แห้งเกินไป คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน รอจนสุก ตักใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ผัดคะน้ากรอบ เต้าเจี้ยว

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

4. ลาบเต้าหู้ 

     เต้าหู้นอกจากมีโปรตีนสูงแล้วยังมีแคลเซียมด้วยนะคะ บ่ายนี้เรามาทำเมนูลาบเต้าหู้ ใส่เห็ดกันดีกว่า กินกับผักสดก็พอ ข้าวสวยไม่ต้อง 

     • เต้าหู้ มีปริมาณแคลเซียม 250 มิลลิกรัมต่อเต้าหู้ 100 กรัม

ส่วนผสม ลาบเต้าหู้
     • เต้าหู้ 1 ก้อน
     • เห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย
     • เห็ดหูหนูดำ 1 ถ้วย
     • ซีอิ๊วขาวเจ 3 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
     • พริกป่น 2 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
     • ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
     • ผักชีฝรั่งซอย 1/4 ถ้วย
     • ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำลาบเต้าหู้
     1. นำเต้าหู้ลงไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วใช้ส้อมยีให้พอแหลก
     2. หั่นเห็ดนางฟ้าและเห็ดหูหนูดำเป็นเส้น ๆ นำไปคั่วในกระทะจนแห้งและมีกลิ่นหอม ตักใส่อ่างผสม เตรียมไว้
     3. ใส่เต้าหู้ที่ยีไว้ลงไปผสมกับเห็ด 
     4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเจ น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกป่น เคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ 
     5. ใส่ผักชีฝรั่งซอย ใบสะระแหน่ และข้าวคั่วลงไป เคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ภาชนะ แต่งด้วยใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลาบเต้าหู้เจ อาหารเจรสจัดจ้านแคลอรีต่ำ

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

5. ก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชิ้น 

     ห้ะ ! ก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชิ้นก็มีแคลเซียมเหมือนกัน สูตรจาก ครัวตุ๊กตา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แคลเซียมมีตั้งแต่เส้น ลูกชิ้น ไปถึงถั่วงอก แม้จะมีปริมาณไม่เยอะแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเนอะ 

     • เส้นหมี่ มีปริมาณแคลเซียม 21 มิลลิกรัมต่อเส้นก๋วยเตี๋ยว 100 กรัม
     • ลูกชิ้นหมู มีปริมาณแคลเซียม 27 มิลลิกรัมต่อลูกชิ้น 100 กรัม
     • ถั่วงอก มีปริมาณแคลเซียม 45 มิลลิกรัมต่อถั่วงอก 100 กรัม


ส่วนผสม ก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชิ้น
     • ลูกชิ้นหมู 500 กรัม
     • เส้นหมี่ 200 กรัม
     • ถั่วงอก 200 กรัม
     • พริกป่น 
     • น้ำส้มพริกดอง
     • ซีอิ๊วดำหวาน
     • น้ำปลา
     • กระเทียมเจียว
     • ตั้งฉ่าย
     • ต้นหอมกับผักชีซอย
     • พริกไทย

ส่วนผสม น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว
     • กระดูกหมู 500 กรัม
     • เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
     • กระเทียมดอง 3 หัว
     • น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วย
     • พริกไทยเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ (บุบหรือไม่บุบก็ได้)
     • น้ำตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ
     • หัวไช้เท้าหั่นท่อน 1 หัว
     • หอมหัวใหญ่หั่นสี่ส่วน 1 หัว
     • กระเทียม 2 หัว
     • ก้านขึ้นฉ่าย 7-8 ก้าน
     • รากผักชี 1 ถ้วย (หรือก้านผักชี)
     • ใบเตย 5-6 ใบ
     • น้ำเปล่า 4 ลิตร

วิธีทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว
     1. เอากระดูกหมูไปต้มน้ำร้อนแล้วเทน้ำทิ้งไป 1 รอบก่อน เพื่อให้คราบเลือดหรือคราบไขมันออกไป หลังจากต้มกระดูกหมูไปแล้วนำมาใส่หม้อต้มก๋วยเตี๋ยว
     2. ใส่รากผักชี (ในสูตรใช้ก้านผักชี) ใส่พริกไทยเม็ด ก้านขึ้นฉ่าย กระเทียมปอกเปลือก หอมใหญ่ ไช้เท้า กระเทียมดองพร้อมน้ำกระเทียมดอง น้ำตาลกรวด เกลือ และใบเตย สุดท้ายเทน้ำเปล่าลงไป เปิดไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เคี่ยวน้ำซุปไปอีก 2 ชั่วโมง คอยหมั่นช้อนฟองออกด้วย
     3. กรองเอาน้ำก๋วยเตี๋ยวออกมาจากเครื่องต้มน้ำซุปแล้วใส่หม้อใหม่ ตั้งน้ำซุป 1 หม้อ และอีกหม้อใส่น้ำเปล่าไว้ลวกเส้น ใส่ลูกชิ้นหมูลงในหม้อน้ำซุป 
     4. ลวกเส้นและถั่วงอกใส่ชาม ใส่ตั้งฉ่าย กระเทียมเจียว และลูกชิ้น ตักน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวราดลงไป โรยต้นหอมกับผักชีซอย ปรุงรสตามชอบ ถ้าใครกินแบบแห้ง ลวกเส้นและถั่วงอกใส่ชาม ใส่ซีอิ๊วหวานดำ น้ำปลา กระเทียมเจียว ตั้งฉ่าย ต้นหอม และผักชีซอย ตามด้วยพริกไทยป่น

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส เมนูเส้นหอมกรุ่นน้ำซุปใสแจ๋ว

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

6. แกงส้มดอกแค 


     ดอกแคเป็นสมุนไพรที่มีชื่อด้านแคลเซียมสูงเชียวล่ะ ลองเอามาทำแกงส้มดอกแคสิคะ สูตรนี้ใส่ถั่วฝักยาวกับใส่กุ้งสดเพิ่มความฟิน 

     • ดอกแค มีปริมาณแคลเซียม 395 มิลลิกรัมต่อดอกแค 100 กรัม 

ส่วนผสม แกงส้มดอกแค
     • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
     • น้ำพริกแกงส้ม 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
     • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
     • กุ้งสด ปอกเปลือกผ่าหลัง 100 กรัม
     • ถั่วฝักยาว และผักกาดขาว หรือผักตามชอบ
     • ดอกแค 100 กรัม

วิธีทำแกงส้มดอกแค
     1. ใส่น้ำเปล่าลงในถ้วย นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำเดือด หรือประมาณ 2 นาที ยกออกจากเตา
     2. ใส่น้ำพริกแกงส้มลงในถ้วยคนผสมจนละลาย ตามด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก และน้ำมะนาวคนให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำเดือด หรือประมาณ 2 นาที ยกออกจากเตา
     3. ใส่กุ้งลงในถ้วยคนผสมให้กุ้งถูกความร้อนจนเริ่มสุก นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำเดือด หรือประมาณ 2 นาที ยกออกจากเตา
     4. ใส่ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว และดอกแคลงไปคนผสมให้ผักถูกความร้อนจนเริ่มสุก นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟปานกลางนานประมาณ 2 นาที จนผักสุกนุ่ม ยกออกจากเตา ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

7. แกงจืดตำลึง 

     ใครมีตำลึงผักอุดมด้วยแคลเซียมอย่ารอช้า จับมาทำอาหารบำรุงกระดูกกันเถอะ ขอยกตัวอย่างแกงจืดตำลึง ใส่เต้าหู้เพิ่มแคลเซียมมากกว่าเดิมด้วย อ้อ… อย่าลืมใส่กระเทียมเจียวเพิ่มความหอมนะคะ

     • ผักตำลึง มีปริมาณแคลเซียม 126 มิลลิกรัมต่อตำลึง 100 กรัม
     • เต้าหู้ มีปริมาณแคลเซียม 250 มิลลิกรัมต่อเต้าหู้ 100 กรัม


ส่วนผสม แกงจืดตำลึง
     • เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
     • ตำลึง (เด็ดใบ) 100 กรัม
     • หมูสับ 100 กรัม
     • น้ำซุป 4 ถ้วย
     • เกลือป่น
     • กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
     • พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำแกงจืดตำลึง
     1. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ เปิดไฟกลาง รอจนน้ำซุปเดือด ใส่หมูสับ ปรุงรสด้วยเกลือ 
     2. ใส่เต้าหู้หลอดกับตำลึงลงไป กดให้ตำลึงจมน้ำ ปิดฝา รอน้ำเดือดปิดไฟ 
     3. ตักใส่ภาชนะ โรยพริกไทยป่นกับกระเทียมเจียวลงไป 

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

8. น้ำพริกปลาร้า

     ปลาร้าเป็นแหล่งแคลเซียมชั้นเลิศเชียวนะคะ เพราะทำมาจากปลาขนาดเล็กหมักรวมกัน ขอนำเสนอเมนูน้ำพริกปลาร้า สูตรจาก คุณนางสาวเซาะกราว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่เครื่องสมุนไพรสารพัด กินกับผักดิบหรือผักลวกตามชอบเลยจ้า

     • ปลาร้า มีปริมาณแคลเซียม 2,392 มิลลิกรัมต่อปลาร้า 100 กรัม
     • พริกขี้หนู มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม
     • กระเทียม มีปริมาณแคลเซียม 5 มิลลิกรัมต่อกระเทียม 100 กรัม
     • หอมแดง มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม


ส่วนผสม น้ำพริกปลาร้า


     • ปลาร้าสับ
     • พริกขี้หนูซอย
     • หอมแดงซอย
     • กระเทียมซอย
     • ใบมะกรูดซอย
     • ขิงซอย
     • กระชายซอย
     • ตะไคร้ซอย
     • น้ำมะขามเปียก
     • ผงชูรส
     • พริกป่น

วิธีทำน้ำพริกปลาร้า

     1. ใส่พริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด ขิง กระชาย และตะไคร้ลงในครก ตำให้ละเอียด
     2. ใส่ปลาร้าสับลงไป เติมน้ำมะขามเปียก ผงชูรส และพริกป่นลงไป ตำให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ปลาร้าสับ กลิ่นเย้ายวนรสเด็ดเผ็ดแซ่บ

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

9. น้ำพริกกุ้งเสียบ

     เย็นนี้มาทำน้ำพริกกุ้งเสียบเพิ่มแคลเซียมให้ร่างกายกันดีไหม ถ้าจับมาคลุกกับข้าวคงธรรมดาไป นี่เลยมาทำข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้งเสียบกัน ใส่น้ำพริกเผาเพื่อให้สีสวย เสิร์ฟกับไข่เค็มสักฟอง อร่อยชัวร์ 

     • กุ้งเสียบ มีปริมาณแคลเซียม 2,305 มิลลิกรัมต่อกุ้งเสียบ 100 กรัม
     • กะปิ มีปริมาณแคลเซียม 1,556 มิลลิกรัมต่อกะปิ 100 กรัม
     • พริกขี้หนู มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม


ส่วนผสม ข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้งเสียบ-ไข่เค็ม (สำหรับ 1 ที่)
     • ข้าวสุกร่วน 1 ถ้วย
     • กุ้งเสียบ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
     • ไข่เค็ม ผ่า 4 ส่วน 1 ฟอง
     • กระเทียมกลีบกลาง บุบแตก 7 กลีบ
     • หอมหัวใหญ่ หั่นตามยาว 1/4 หัว
     • พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง ซอยหนา 1-2 เม็ด (หรือพริกขี้หนูเม็ดเล็กบุบ)
     • ต้นหอมซอย 1 ต้น
     • น้ำพริกเผา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา หรือซีอิ๊วขาว 
     • น้ำตาลทราย
     • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
     • ผักเครื่องเคียงตามชอบ  เช่น  แตงกวา  ต้นหอม  มะนาว

วิธีทำข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้งเสียบ-ไข่เค็ม
     1. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางมาทางอ่อน ใส่น้ำมันพืช รอน้ำมันอุ่น ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอม ใส่หอมใหญ่ลงไปผัดพอหอม   
     2. ใส่น้ำพริกเผาลงไป ใช้ตะหลิวยีให้น้ำพริกเผากระจายตัว ใส่ข้าวลงไป ใช้ตะหลิวบี้ข้าวให้กระจายทั่วกัน 
     3. ใส่ไข่เค็ม กุ้งเสียบ และพริกขี้หนูซอยลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลทราย เร่งไฟให้แรง ผัดให้ทั่วกันจนข้าวแห้งดี ตักขึ้นใส่จาน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวผัดน้ำพริกเผากุ้งเสียบ-ไข่เค็ม

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

อาหารไทยเปี่ยมแคลเซียม

10. ยำมะม่วงปลากรอบ 

     ปิดท้ายกันด้วยเมนูยำมะม่วงปลากรอบ อีกหนึ่งเมนูอาหารที่มีแคลเซียมสูงจากทั้งมะม่วง กุ้งแห้ง ปลากรอบ หอมแดง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปรุงรสให้เปรี้ยวจี๊ดสะใจกันไปเลย

     • มะม่วงดิบ มีปริมาณแคลเซียม 14 มิลลิกรัมต่อมะม่วง 100 กรัม
     • ปลาตัวเล็กทอดกรอบ มีปริมาณแคลเซียม 860 มิลลิกรัมต่อปลา 100 กรัม
     • กุ้งแห้ง มีปริมาณแคลเซียม 2,305 มิลลิกรัมต่อกุ้งแห้ง 100 กรัม
     • หอมแดง มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม
     • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีปริมาณแคลเซียม 38 มิลลิกรัมต่อเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม


ส่วนผสม ยำมะม่วงปลากรอบ
     • มะม่วงขูดหรือสับ 1 ลูก 
     • ปลากรอบ 1/2 ถ้วย
     • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 1/4 ถ้วย
     • กุ้งแห้งป่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
     • พริกขี้หนูซอย 10 เม็ด
     • พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 1/2 ช้อนชา
     • หอมแดงซอย 2 หัว
     • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำยำมะม่วงปลากรอบ
     1. ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว และน้ำปลาลงในอ่างผสม คนผสมจนน้ำตาลละลาย
     2. เติมพริกขี้หนูแห้งคั่วป่นกับพริกขี้หนูซอยลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง
     3. ใส่มะม่วงสับ หอมแดง และกุ้งแห้งป่นลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ 
     4. ใส่ปลากรอบกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป คลุกเคล้าพอเข้ากัน ตักใส่ภาชนะ 

     คงมีหลายเมนูอาหารไทยเปี่ยมแคลเซียมที่เพื่อน ๆ ทำกินเป็นประจำแต่ไม่รู้ว่ามีแร่ธาตุบำรุงกระดูกพ่วงด้วย เอาล่ะ… อยากทำเมนูไหนเริ่มกันเลยดีกว่า

และอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คือ Lipotwin

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกิน สารสกัดจากธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมจาก ผงบุก และส้มแขก ซึ่งปลูกแบบออร์แกนิค จึงช่วยลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนอย่างปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนประกอบของยากดประสาท หรือสารเคมี

ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ลดจริง!!

พี่แอนทานไลโปทวินก่อนอาหารเช้าและเย็น 30 นาที ครั้งละ 2 เม็ด นาน 6 เดือน

ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือขอรับปรึกษาได้ฟรี!


Tel : 086-357-1000

Line : lp_twin , @lipotwin (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)

หรือคลิ๊ก>> http://line.me/ti/p/~lp_twin 

Facebook : Lipotwin Official >>https://www.facebook.com/Lipotwin/