วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

8 ข้อน่ารู้ กินกล้วยพาสวยได้จริง เกิดเป็นหญิงต้องห้ามพลาด !

ประโยชน์ของกล้วย

          กล้วยเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ผู้หญิงทุกคนควรต้องกินมาก ๆ เพราะนอกจากประโยชน์ของกล้วยจะดีต่อร่างกายแล้ว กล้วยยังมอบความสวยความงามให้เราได้อีกด้วยนะ

          ประโยชน์ของกล้วยจะเรียกว่าครอบจักรวาลก็ยังได้เลย เพราะอย่างที่รู้กันว่ากินกล้วยจะช่วยให้ร่างกายเฮลธ์ตี้ขึ้นได้ ซึ่งนอกจากสรรพคุณของกล้วยทางด้านสุขภาพแล้ว กระปุกดอทคอมก็อยากบอกสาว ๆ เหลือเกินค่ะว่า กินกล้วยกันเถิด แล้วความสวยจะบังเกิดกับคุณ !
1. ช่วยให้ผิวสวยใสเปล่งปลั่ง
    
          กล้วยเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงมาก ซึ่งไฟเบอร์เหล่านี้จะช่วยดูดซับไขมัน น้ำตาล และสารพิษต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ไหลลื่น นอกจากนี้กล้วยยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 3 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบ และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดังนั้นสาว ๆ ที่อยากมีผืวสวย ๆ ก็พยายามกินกล้วยให้ได้ทุกวันนะคะ

ประโยชน์ของกล้วย
2. บำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ลดการเกิดริ้วรอย
    
          โพแทสเซียมในกล้วยมีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ซึ่งเมื่อเลือดไหลเวียนดี ผิวพรรณก็จะดูมีสุขภาพดีตามไปด้วย อีกทั้งสารอาหารอื่น ๆ ในกล้วยยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าและเกิดเซลล์ผิวใหม่ สาว ๆ ที่กินกล้วยเป็นประจำจึงมีผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ที่สำคัญกล้วยยังมีส่วนช่วยลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งปกป้องผิวจากริ้วรอยต่าง ๆ ที่มีสาเหตุมาจากแสงยูวีด้วย

3. คืนความชุ่มชื้นให้ผิว
    
          สำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาผิวแห้งแตกโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว แนะนำให้รับประทานกล้วยเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวกันอีกครั้ง เนื่องจากกล้วยมีส่วนประกอบของน้ำมากถึง 75% แถมยังมีวิตามิน A ที่มีส่วนช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณอีกต่างหาก ดังนั้นหากไม่อยากเป็นสาวที่มีผิวแห้งแตก ก็ลองรับประทานกล้วยเป็นประจำทุกวันเลยนะคะ
    
ประโยชน์ของกล้วย
 
4. เร่งผมยาว
    
          สารอาหารในกล้วยมีอยู่หลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งก็ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย กระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่ ดังนั้นสาว ๆ ที่อยากเร่งผมยาว หรือต้องการให้ผมดูดกหนา กินกล้วยไปเลยค่ะแล้วจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะเมื่อเรากินกล้วยเข้าไป ร่างกายก็จะดูดซึมสารอาหารมีประโยชน์จากกล้วยเข้าไปช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงผม ลดผมหลุดร่วง นอกจากนี้เรายังสามารถนำกล้วยมาบดกับน้ำผึ้ง แล้วนำมาหมักผมเพื่อให้ผมนุ่มสลวยได้อีกด้วยนะคะ

ประโยชน์ของกล้วย

5. ช่วยลดน้ำหนัก

          กล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ดังนั้นเมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัวและช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น แถมหากกินกล้วยในตอนเช้ายังช่วยลดความอยากของหวาน ๆ ได้อีกด้วย เพราะความหวานของกล้วยจะเข้าไปเติมเต็มอาการอยากของหวานชนิดต่าง ๆ ที่สำคัญความหวานของกล้วยยังปราศจากแคลอรีอีกด้วยล่ะ

6. เป็นผลไม้ที่ดีต่อสาว ๆ ตั้งครรภ์

    
          กล้วยเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพคุณแม่ท้องมาก ๆ เลยนะคะ โดยเฉพาะถ้าเช้า ๆ คุณแม่มักจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และเวียนศีรษะอยู่บ่อย ๆ หากกินกล้วยในมื้อเช้าจะช่วยลดอาการดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง และคาร์โบไฮเดรตชนิดดีที่มีอยู่ในกล้วยยังช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่ ช่วยลดอาการหน้ามืดได้ด้วย 
    
          อ้อ ! และก็แน่นอนค่ะว่าคุณประโยชน์หลากชนิดของกล้วยก็ย่อมต้องช่วยบำรุงดูแลทารกในครรภ์ไปด้วย

ประโยชน์ของกล้วย

7. ลดอารมณ์หงุดหงิดจากอาการ PMS
    
          น้ำตาลในกล้วยช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้คุณสาว ๆ ไม่หงุดหงิดง่าย ขณะที่โพแทสเซียมและวิตามินบี 6 ที่อยู่ในกล้วยก็ยังช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลียได้ จึงทำให้สาว ๆ ลดอาการเหวี่ยงวีนในช่วงวันนั้นของเดือนได้ด้วยนั่นเอง

8. ลดอาการบวมน้ำ
    
          อีกหนึ่งอาการ PMS ที่สาว ๆ ไม่ปลื้มเลยในช่วงมีประจำเดือนก็คืออาการบวมน้ำที่จู่ ๆ ตัวเราก็บวมโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงอย่างกล้วยนี่เองค่ะ

ประโยชน์ของกล้วย

          นอกจากเราจะกินกล้วยเพื่อเสริมความสวยงามให้ร่างกายแล้ว ยังสามารถนำกล้วยมาหมักผม มาสก์หน้า และยังใช้ประโยชน์ในด้านสุขภาพและความสวยความงามจากกล้วยได้อีกตามนี้เลย


และอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คือ Lipotwin

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกิน สารสกัดจากธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมจาก ผงบุก และส้มแขก ซึ่งปลูกแบบออร์แกนิค จึงช่วยลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนอย่างปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนประกอบของยากดประสาท หรือสารเคมี

ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ลดจริง!!

พี่แอนทานไลโปทวินก่อนอาหารเช้าและเย็น 30 นาที ครั้งละ 2 เม็ด นาน 6 เดือน

ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือขอรับปรึกษาได้ฟรี!


Tel : 086-357-1000

Line : lp_twin , @lipotwin (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)

หรือคลิ๊ก>> http://line.me/ti/p/~lp_twin 

Facebook : Lipotwin Official >>https://www.facebook.com/Lipotwin/

12 อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง กินจริงก็เร่งกล้ามได้จริง ต้องลอง !

12 อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง กินจริงก็เร่งกล้ามได้จริง ต้องลอง !



อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          สาว ๆ ที่อยากมีซิกแพค อยากสร้างกล้ามเนื้อให้เร็วขึ้น ต้องอาศัยตัวช่วยดี ๆ ที่เป็นทั้งอาหารสร้างกล้ามเนื้อ และอาหารเพื่อสุขภาพที่ผู้หญิงเราคู่ควร
          ขอย้ำกันอีกสักครั้งค่ะว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายที่จะสร้างซิกแพคได้ แต่ร่างกายผู้หญิงก็สามารถสร้างซิกแพคได้ด้วยเหมือนกัน และผู้หญิงที่มีซิกแพคเป็นลอนงาม ๆ อยู่ที่หน้าท้อง มองยังไงก็ดูเซ็กซี่แฝงไปด้วยความสตรองเป็นที่สุด ซึ่งหากสาว ๆ กำลังมีโปรแกรมจะสร้างซิกแพคกันอยู่ เราอยากจะแนะนำให้ลองกินอาหารสร้างซิกแพคเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การสร้างซิกแพคของสาว ๆ เห็นผลเร็วขึ้นนั่นเอง

1. ไข่
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่ร่างกายสามารถย่อยได้ง่าย จึงเป็นอาหารสร้างกล้ามเนื้อที่ดีอันดับต้น ๆ โดยมีการศึกษาพบว่า หากทานไข่ต้มเป็นมื้อเช้าแทนขนมปังหรือแป้งขัดขาว ไข่ต้มจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญได้อีกทาง นั่นก็หมายความว่า นอกจากเราจะได้โปรตีนจากไข่มาช่วยสร้างซิกแพคแล้ว ร่างกายยังจะได้เบิร์นไขมันให้กล้ามเนื้อโชว์ตัวได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะคะ

2. แซลมอน
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          แซลมอนอุดมไปด้วยโปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานชั้นยอดของร่างกาย ช่วยเพิ่มความอึดในการสร้างกล้ามได้มากขึ้น อีกทั้งสารอาหารในแซลมอนยังถูกพบว่ามีส่วนกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
3. เนื้อวัวไม่ติดมัน
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          นอกจากโปรตีนแล้ว เนื้อวัวยังมีกรดอะมิโนมากถึง 8 ชนิด ได้แก่ ไอโซลิวซีน ลิวซีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟินิลอะลานีน ทรีโอนีน ทริปโตฟาน และวาลีน ทั้งยังมีสารอาหารหลัก ๆ ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เช่น สารครีเอทีนและแร่ธาตุสังกะสี จึงช่วยให้เราสร้างซิกแพคได้ง่ายขึ้น

4. อกไก่

อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          อย่างที่รู้ว่าอกไก่เป็นอาหารสร้างกล้ามที่คนเล่นกล้ามกินกันเป็นประจำ เพราะไม่เพียงแต่อกไก่จะอุดมไปด้วยโปรตีนเท่านั้นหรอกนะคะ แต่ยังถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดชั้นดีของกรดอะมิโนที่จำเป็นต่าง ๆ ในร่างกาย โดยการกินอกไก่หนึ่งชิ้นจะได้รับโปรตีน 54 กรัม และกรดอะมิโนลิวซีน 4 กรัม โดยกรดอะมิโนลิวซีนจะทำหน้าที่ยับยั้งการสลายตัวของกล้ามเนื้อ เร่งการย่อยอาหารให้เร็วขึ้น และเพิ่มพลังงานในการออกกำลังกาย

5. ทูน่า

อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          ทูน่าก็จัดว่าเป็นปลาที่มีโปรตีนสูง มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งผลการวิจัยจากวารสาร Lipid แสดงให้เห็นว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 ในทูน่ามีส่วนช่วยเบิร์นไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องได้อย่างมีนัยสำคัญ และในปลาทูน่ายังมี DHA ที่ช่วยชะลอการดูดซึมไขมันในร่างกายได้ถึง 40-70% จึงจัดเป็นอาหารช่วยลดพุง สนับสนุนให้เราสร้างกล้ามได้อย่างง่ายดายขึ้นนั่นเอง

6. กรีกโยเกิร์ต
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          จากผลการศึกษาของ Nutrition Journal พบว่า อาสาสมัครที่กินกรีกโยเกิร์ตติดต่อกัน 12 สัปดาห์ มีแนวโน้มจะลดไขมันมวลรวมในร่างกายได้มากกว่าคนที่ไม่ได้กินกรีกโยเกิร์ตถึง 2 เท่า จึงเห็นได้ชัดนะคะว่า กรีกโยเกิร์ตไม่ได้มีดีแค่โปรตีนสูง ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและซิกแพคให้เราได้เท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยลดไขมัน ให้กล้ามที่เราเล่น เราออกกำลังกายเห็นได้ชัดขึ้นอีกต่างหาก

7. ข้าวโอ๊ต
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

    ในข้าวโอ๊ตอุดมไปทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน และวิตามินอีกสารพัด ทำให้กล้ามเนื้อมีแรงในการออกกำลังกาย แถมข้าวโอ๊ตยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยชะลอการดูดซึมไขมันที่จะมาพอกพูนตรงหน้าท้องได้อีกด้วย

8. ถั่ว

อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          โปรตีนถั่วเป็นโปรตีนอีกอย่างหนึ่งที่ย่อยได้ง่าย และในถั่วชนิดต่าง ๆ ยังมีสารเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่จำเป็น เช่น กรดอะมิโนกลูตามีน กรดอะมิโน BCAA (Branched-Chain Amino Acids) และกรดอะมิโนอาร์จินีน เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในการสร้างกล้ามเนื้อทั้งนั้นเลย ทว่าการรับโปรตีนจากถั่วก็มีข้อจำกัดในคนที่มีอาการแพ้ถั่วอยู่ด้วยนะคะ ดังนั้นหากมีอาการแพ้ถั่วก็ควรต้องเลือกกินอาหารสร้างซิกแพคชนิดอื่น ๆ แทน

9. อัลมอนด์

อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          ของกินเล่นอย่างอัลมอนด์ไม่ได้มีข้อดีแค่ความอร่อย เพราะปริมาณโปรตีนของอัลมอนด์นั้นสูงปรี๊ดเลยเชียวล่ะ โดยอัลมอนด์เพียง 100 กรัม ก็ให้ปริมาณโปรตีนถึง 21 กรัมเลยทีเดียว ดังนั้นจะบอกว่าอัลมอนด์เป็นอาหารช่วยสร้างกล้ามได้ก็คงไม่ผิดนัก อีกทั้งถ้ารับประทานอัลมอนด์เป็นประจำยังจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยบำรุงหัวใจได้อีกด้วยนะคะ

อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

10. ผักโขมและปวยเล้ง
          ผักโขมและผักปวยเล้งเป็นผักที่มีโปรตีนช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และก็มีแร่ธาตุที่สำคัญต่อระบบเผาผลาญเป็น­­อย่างมาก ฉะนั้นจึงเป็นอาหารสร้างซิกแพคอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากเร่งการเบิร์นไขมันในร่างกาย พร้อมกับสร้างซิกแพคควบคู่กันไปด้วย

11. กะหล่ำดอก
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          แม้กะหล่ำดอกจะไม่มีโปรตีนให้ร่างกายนำไปสร้างกล้ามได้ ทว่าในกะหล่ำดอก 100 กรัมก็ให้พลังงานเพียง 25 กิโลแคลอรี แถมยังมีกรดทาร์ทาริกช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลา­­­ยเป็นไขมันส่วนเกิน ลดโอกาสที่ไขมันจะไปพอกพูนสะสมอยู่ที่หน้าท้อง นอกจากนี้กะหล่ำดอกยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ดีต่อการลดน้ำหนักไปอีก

12. ฟักทอง
อาหารสร้างซิกแพคผู้หญิง

          ผลการศึกษาจาก Arizona State University พบว่า ฟักทอง 1 ถ้วยตวงมีปริมาณวิตามินซีมากถึง 30% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งวิตามินซีเป็นวิตามินที่สำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อและเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด ทั้งฟักทองยังมีไฟเบอร์ค่อนข้างสูง ช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกทาง และจะยิ่งเห็นผลดีมากหากมีการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย 
          แต่นอกจากอาหารสร้างซิกแพค จะเป็นตัวช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อได้แล้ว ยังมีผลไม้ที่ช่วยในการสร้างกล้ามให้เราอีกด้วยนะคะ ตามนี้เลย 

         อ้อ ! แต่ลำพังจะกินอาหารสร้างซิกแพคเพียว ๆ อย่างเดียวกล้ามก็คงไม่ขึ้นง่าย ๆ เแน่ ฉะนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ซิกแพคขึ้นเร็ว ๆ แนะนำให้ออกกำลังกายสร้างซิกแพคตามนี้ร่วมด้วยจะดีกว่า


และอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คือ Lipotwin

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกิน สารสกัดจากธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมจาก ผงบุก และส้มแขก ซึ่งปลูกแบบออร์แกนิค จึงช่วยลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนอย่างปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนประกอบของยากดประสาท หรือสารเคมี

ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ลดจริง!!

พี่แอนทานไลโปทวินก่อนอาหารเช้าและเย็น 30 นาที ครั้งละ 2 เม็ด นาน 6 เดือน

ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือขอรับปรึกษาได้ฟรี!


Tel : 086-357-1000

Line : lp_twin , @lipotwin (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)

หรือคลิ๊ก>> http://line.me/ti/p/~lp_twin 

Facebook : Lipotwin Official >>https://www.facebook.com/Lipotwin/

12 เทรนด์อาหารสุขภาพมาแรงในปี 2017 ไม่อยากพลาดของดีต้องจัดให้ไว !

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
          เทรนด์อาหารสุขภาพประจำปี 2017 จะมีอะไรบ้าง คนรักสุขภาพถ้าไม่อยากตกเทรนด์ อย่ารอช้า…มาดูกันเลย

          เป็นที่รู้กันดีในหมู่คนรักสุขภาพว่า “You are what you eat”  หรือ คุณกินอะไรเข้าไป คุณก็เป็นอย่างนั้น ดังนั้นอาหารก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรามีสุขภาพดี และเมื่อคนหันมาใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น เทรนด์อาหารสุขภาพจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารสุขภาพจึงพยายามสรรหาอาหารใหม่ ๆ มาให้คนรักสุขภาพได้ลิ้มชิ้มรสกันทุกปี แล้วปี 2017 นี้ล่ะเราจะได้กินอะไรใหม่ ๆ อีกบ้าง กระปุกดอทคอมรวบรวมเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพปี 2017 มาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
1. ขมิ้นชัน (Turmeric) 
        
          สมุนไพรคู่ครัวไทยอย่างขมิ้นชัน มาปีนี้ก็ยังคงฮิตติดชาร์ตเทรนด์อาหารสุขภาพอีกเช่นเคย เนื่องด้วยสรรพคุณที่มากมายของมัน ใครมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ถ้าได้กินขมิ้นชันก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ใครที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ขมิ้นชันก็ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และถ้าใครไม่อยากดูแก่ก่อนวัย ขมิ้นชันก็ยินดีรับใช้ เพราะในขมิ้นชันมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยชะลอวัยและชะลอการเกิด ริ้วรอยอยู่ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นยังเป็นเพียงแค่สรรพคุณอันน้อยนิดของขมิ้นชัน สรรพคุณของมันยังมีอีกมาก ถ้าอยากรู้จักขมิ้นชันให้มากขึ้น ก็ลองอ่าน ขมิ้นชัน สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ และด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายของขมิ้นชันนี่เองที่ทำให้มันไม่เคยตกขบวนเทรนด์อาหารสุขภาพเลยสักปี
         
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
    
2. อาหารหมักดอง (Fermentation) 
         
          ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้กระแสอาหารหมักดองอย่าง กิมจิ ผักดองของเกาหลี หรือซาวเคราท์ กะหล่ำปลีหมักเกลือของเยอรมันนั้น ถูกพูดถึงกันมากในวงการอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีการค้นพบว่าอาหารหมักดองพวกนี้มีแบคทีเรียดีที่ชื่อ โปรไบโอติกส์ ที่ช่วยปรับสมดุลสภาพแวดล้อมในลำไส้ โดยทำให้จุลินทรีย์ชนิดดีหรือจุลินทรีย์สุขภาพเกาะติดผนังลำไส้และเจริญเติบโตดีขึ้น รวมทั้งป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ที่ไม่ดีหรือจุลินทรีย์ก่อโรคเพิ่มจำนวน 

          ข่าวดีก็คือเดี๋ยวนี้มีสินค้าที่มีโปรไบโอติกส์หลากหลายให้ได้เลือกซื้อ เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต น้ำผลไม้ และด้วยจุดเด่นในเรื่องโปรไบโอติกส์นี่เองที่ทำให้อาหารหมักดองก็ยังคงฮอตฮิตในกลุ่มเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

         
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
  
3. มหัศจรรย์พลังอาหารสีม่วง (Purple power)
         
          ในทางศิลปะสีม่วงอาจสื่อถึงอารมณ์ได้ทั้งทางบวกและทางลบ ทางบวก คือความหรูหรา ความคิดสร้างสรรค์ โรแมนติก ส่วนทางลบ คือ ความเศร้า มัวหมอง แต่ในวงการอาหารสุขภาพนั้นกลับยกนิ้วให้อาหารสีม่วงเป็นหนึ่งในอาหาร 5 สี อันได้แก่ ม่วง เขียว เหลือง/ส้ม แดง ขาว ที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด และในปีนี้อาหารสีม่วงก็ยังได้ไปต่อกับเทรนด์อาหารสุขภาพ เนื่องจากในอาหารสีม่วงมีสารแอนโทไซยานินที่มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือด จึงช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ และในอาหารสีม่วงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้และตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งระบบสืบพันธุ์ 
     
          ที่น่าทึ่งก็คือเดี๋ยวนี้อาหารสีม่วงไม่ได้มีเฉพาะในพืชผัก ผลไม้ ตามธรรมชาติ อย่างข้าวโพดสีม่วง มันเทศหวาน ข้าวสีนิลเท่านั้นนะ แต่นวัตกรรมอาหารสีม่วงนั้นล้ำหน้าไปมากแล้ว ในไม่ช้าเราคงได้เห็น มะนาวสีม่วงที่ผิวข้างนอกเป็นสีเขียวแต่ผิวข้างในเป็นสีม่วงวางขายตามท้องตลาดแน่นอน
         
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
    
4. สาหร่าย (Seaweed)  
         
          สาหร่ายก็เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่มักจะได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของเทรนด์อาหารสุขภาพ รวมถึงปีนี้ด้วย เชื่อได้ว่าคนรักสุขภาพคงคุ้นกับสาหร่ายโนริ (Nori) ที่มักนำมาห่อซูชิกันเป็นอย่างดีแล้ว มาในปีนี้เราขอฝากสาหร่ายน้องใหม่อย่างสาหร่ายพวงองุ่น (Green Caviar)ไว้ในอ้อมใจของคนรักสุขภาพด้วย เห็นเม็ดเล็ก ๆ สีเขียวใส อยู่ชิดกันหน้าตาเหมือนพวงองุ่นแบบนี้ ประโยชน์เพียบนะจ๊ะจะบอกให้ เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ได้แก่ ไอโอดีนป้องกันโรคคอพอก แมกนีเซียมบำรุงกล้ามเนื้อและประสาท โพแทสเซียมช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์และระบบน้ำในร่างกาย ฯลฯ  อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอย่าลืมไปหาซื้อสาหร่ายพวงองุ่นมากินกันนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
5. ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ (Healthy Snacks)
       
          เข้ารอบเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพปีนี้ไปแบบชิล ๆ ค่ะสำหรับขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ แม้ว่าเทรนด์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพจะมีมาสักระยะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเทรนด์นี้ก็ยังไม่เอาท์ ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพนั้นถูกคิดเพื่อมาแทนที่ขนมถุงที่มีทั้งแป้ง น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง อันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ อ้วน เบาหวาน ฯลฯ ด้วยเหตุที่ตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพยังมีโอกาสโตได้อีกมาก ผู้ทำธุรกิจด้านนี้จึงพยายามผลิตผลิตภัณฑ์ออกมาหลากหลาย เอาใจผู้บริโภคขี้เบื่อ จากเดิมแค่ผัก ผลไม้อบกรอบ เดี๋ยวนี้เราก็มีแมลงอบกรอบ ดอกไม้อบกรอบ ไว้กินเล่นกันแล้ว เคี้ยวเพลิน สุขภาพดีแบบนี้ คนรักสุขภาพอย่าลืมไปหามาติดตู้เย็นกันไว้บ้างนะคะ

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
6. น้ำตาลเพื่อสุขภาพ (Alternative Sugar)  
         
          น้ำตาลไม่น่าจะมาอยู่ในรายชื่อเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพได้เลย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในเมื่อคนรักสุขภาพเขาหันไปกินตาลดอกมะพร้าวแทนน้ำตาลทรายแดงแล้วค่ะ เพราะมีโพแทสเซียมสูงกว่าน้ำตาลทรายแดง จึงช่วยลดความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล และน้ำหนักตัวได้ดี และในน้ำตาลจากดอกมะพร้าวยังมีแร่ธาตุอื่น ๆ รวมทั้งวิตามินบางชนิดที่น้ำตาลทรายแดงไม่มี หวานแบบสุขภาพดีแบบนี้สิ ถึงควรคู่อยู่ในรายชื่อเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง 

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
7. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำและปราศจากแอลกอฮอล์ (Low and no-alcohol drinks) 
         
          เทรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำและปราศจากแอลกอฮอล์ยังมาแรงไม่ตก เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาด้วยกระแสดูแลสุขภาพและการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับที่เข้มงวดขึ้น ผู้ที่ชอบดื่มสังสรรค์หรือจำเป็นต้องดื่ม จึงหันมาเลือกดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีต่ำ เช่น ค็อกเทล หรือไม่มีแอลกอฮอล์เลย เช่น ม็อกเทล ที่เน้นน้ำผลไม้ น้ำหวาน โซดา น้ำอัดลมเป็นส่วนผสม แทนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สูง อย่างเหล้า เบียร์ วิสกี้ ฯลฯ 
         
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
8. มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian)
         
          อยากลองกินมังสวิรัติดู แต่ก็ยังอยากกินเนื้อสัตว์อยู่จะทำอย่างไรดี ? ไม่ยากค่ะ ให้มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น เป็นคำตอบสุดท้ายของคุณสิคะ เพราะมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวอเมริกัน ถึงจะเน้นกินผักแต่ก็ยังอนุญาตให้ตัวเองกินเนื้อได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ตรงกันข้ามกับกลุ่มที่เคร่งมังสวิรัติอย่าง "วีแกน" ที่ไม่กินเนื้อสัตว์รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากเนื้อสัตว์เลย แต่มังสวิรัติยืดหยุ่นแบบนี้สิ ทำให้เราหันมากินอาหารที่ดีกับสุขภาพได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
         
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
9. พาสต้าที่ทำจากวัตถุดิบทางเลือก (Rethinking Pasta)  
         
          อะไรนะ ! พาสต้าเนี่ยนะเหรอที่ได้ขึ้นแท่นเทรนด์อาหารสุขภาพในปีนี้ด้วย เคยได้ยินแต่ว่ากินพาสต้าแล้วจะอ้วน  ใจเย็น ๆ  ไม่ต้องตกใจไป เดี๋ยวนี้โลกของพาสต้ากำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อมีผู้คิดค้นเส้นพาสต้าที่ทำจากวัตถุดิบทางเลือกอย่างเมล็ดถั่วเลนทิล (Lentills) หรือถั่วลูกไก่ (Chickpeas) ซึ่งให้โปรตีนสูงทดแทนเส้นพาสต้าแบบเดิมที่ทำจากแป้งสาลีซึ่งมีแต่คาร์โบไฮเดรต ดังนั้นเส้นพาสต้าที่ทำจากเมล็ดถั่วจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของอาหารสุขภาพที่น่าสนใจทีเดียว

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
10. อาหารญี่ปุ่นอื่นๆ นอกเหนือจากซูชิ (Japanese food, beyond sushi)
         
          ช่วงที่ผ่านมา เทรนด์อาหารสุขภาพญี่ปุ่นมาแรงเสียเหลือเกิน และหนึ่งในบรรดาอาหารสุขภาพญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักน่าจะหนีไม่พ้น ซูชิ ที่ซูชิถูกโปรโมทว่าเป็นอาหารสุขภาพก็เพราะเนื้อปลาในซูชิมีโอเมก้าสาม ช่วยพัฒนาสมอง กระตุ้นความจำ และสลายไขมันในหลอดเลือดช่วยให้หัวใจแข็งแรง มาถึงตอนนี้นอกเหนือจากซูชิแล้ว อาหารญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพอื่น ๆ ก็เป็นที่รู้จักเช่นกัน เนื่องจากมีการใช้เครื่องปรุงรสของญี่ปุ่น ในการปรุงอาหารกันอย่างแพร่หลาย อาทิ พอนสึ ซอสเปรี้ยว (ponzu)  น้ำมันงา (sesame oil) และมิโซะ เต้าเจี้ยวบด (mizo)
         
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
11. ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากวัตถุดิบเหลือใช้ (Products from Byproducts)

          เมื่อขยะกำลังจะล้นโลก จึงเกิดเทรนด์อาหารสุขภาพแนวใหม่ที่เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากวัตถุดิบเหลือใช้ขึ้น เทรนด์นี้มีแนวคิดที่จะนำเอาของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมอาหารมาทำอาหารอีกประเภทหนึ่งด้วย เช่น นำน้ำที่ได้จากการต้มถั่วลูกไก่ไปทำมายองเนสวีแกน แม้ว่าเทรนด์นี้กำลังเพิ่งมา แต่ด้วยแนวคิดที่ทั้งรักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมขนาดนี้ก็ได้ใจคนรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไปเต็ม ๆ เลย 

เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ 2017
 
12. ใส่ใจกับอาหารการกินให้มากขึ้น (Mindful Meal Prep)
          
          ชื่อเต็ม ๆ ของเทรนด์นี้คือ Mindful Meal Preparation หรือการเตรียมอาหารการกินในแบบที่เอาใจใส่กับมันให้สุด เพราะในปีที่ผ่าน ๆ มารู้สึกไหมคะว่าชีวิตเรารีบเร่งไปซะทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เน้นความสะดวกรวดเร็วเป็นหลัก ซึ่งก็มักจะลงท้ายด้วยการได้อาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารคุณภาพต่ำมารับประทานกันเป็นประจำ
         
          ฉะนั้นปีนี้เราจะมาเริ่มต้นกันใหม่ด้วยการไตร่ตรองกันล่วงหน้าไปเลยว่าเราจะกินอะไรเป็นอาหารในแต่ละวันบ้าง โดยอาจเตรียมการณ์กันสัปดาห์ต่อสัปดาห์ไป ซึ่งเขาเชื่อกันว่าการคิดเมนูเผื่อไว้แบบนี้จะช่วยให้เรากินอาหารได้อย่างมีสติมากขึ้น ได้มีเวลาคำนึงถึงอาหารเพื่อสุขภาพได้มากกว่าที่เคย รวมไปถึงเทรนด์นี้ยังแนะนำให้เราลิ้มรสอาหารที่ผ่านลิ้นไปแต่ละคำอย่างตั้งใจด้วยนะคะ ซึ่งก็จะให้ผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก ดีต่อระบบย่อยอาหารของเรา และก็แน่นอนว่าจะเป็นเทรนด์การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพโดยรวมไปด้วย

         
          เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเทรนด์อาหารสุขภาพปี 2017 ที่เรานำมาฝากผู้อ่านกัน ลองไปหามากินกันดูนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง อาจจะสักเดือนละ 1 เมนูก็ได้ค่ะ


และอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คือ Lipotwin

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกิน สารสกัดจากธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมจาก ผงบุก และส้มแขก ซึ่งปลูกแบบออร์แกนิค จึงช่วยลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนอย่างปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนประกอบของยากดประสาท หรือสารเคมี

ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ลดจริง!!

พี่แอนทานไลโปทวินก่อนอาหารเช้าและเย็น 30 นาที ครั้งละ 2 เม็ด นาน 6 เดือน

ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือขอรับปรึกษาได้ฟรี!


Tel : 086-357-1000

Line : lp_twin , @lipotwin (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)

หรือคลิ๊ก>> http://line.me/ti/p/~lp_twin 

Facebook : Lipotwin Official >>https://www.facebook.com/Lipotwin/

10 อาหารลดน้ำหนัก กินดักความอ้วน แถมช่วยลดคอเลสเตอรอล !

10 อาหารลดน้ำหนัก กินดักความอ้วน แถมช่วยลดคอเลสเตอรอล !

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          อาหารเพื่อสุขภาพในลิสต์ต่อไปนี้คือสิ่งที่ห้ามพลาด เพราะเป็นทั้งอาหารลดน้ำหนัก พ่วงด้วยคุณสมบัติลดคอเลสเตอรอล กินหนึ่งได้ถึงสองสรรพคุณ !
          ความอ้วนมักจะมาพร้อม ๆ ภาวะระดับคอเลสเตอรอลในเลือดที่สูง ซึ่งคอเลสเตอรอลนี่แหละค่ะตัวร้าย เพราะแม้จะไม่ใช่คนที่มีรูปร่างอ้วน แต่ก็อาจมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณกำลังไดเอตหรือมีแพลนจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มากินอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น กระปุกดอทคอมขอแนะนำ 10 อาหารลดคอเลสเตอรอล ที่พ่วงสรรพคุณช่วยลดน้ำหนักมาด้วยในตัวตามลิสต์ต่อไปนี้เลย
1. เนื้อปลา

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          หลายคนรู้ดีว่าถ้าไม่อยากอ้วนก็ให้เน้นกินอาหารประเภทปลาเข้าไว้ แต่รู้ไหมคะว่านอกจากเนื้อปลาจะมีแคลอรีต่ำแล้ว ในเนื้อปลายังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไขมันชนิดดีในร่างกาย และช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้ายไปด้วยในตัว อีกทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 ยังขึ้นชื่อในเรื่องกำจัดไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด ช่วยป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้อีกด้วย

2. อะโวคาโด

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          ในเนื้ออะโวคาโดมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (monounsaturater fatty acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดดีต่อสุขภาพ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยเพิ่มไขมันชนิดดีในร่างกาย อีกทั้งอะโวคาโดยังมีกรดโอเลอิก (Oleic Acid) กรดไขมันชนิดหนึ่งที่ทำให้สมองสั่งการให้เรารู้สึกอิ่มได้ ดังนั้นอะโวคาโดจึงจัดเป็นอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย และช่วยลดน้ำหนักไปด้วยยังไงล่ะ

3. ถั่วชนิดต่าง ๆ

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          ผลการวิจัยจาก Arizona State University Polytechnic พบว่า หากเราสามารถรับประทานถั่วได้วันละ 1/2 ถ้วยตวง จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้มากกว่า 8% โดยเฉลี่ย ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ และถั่วยังเป็นธัญพืชไฟเบอร์สูง ช่วยให้เรารู้สึกอิ่มอยู่ท้องมากขึ้น แถมกากใยอาหารเหล่านี้ยังจะคอยดักจับคอเลสเตอรอลเอาไว้ แล้วจัดการขับถ่ายออกไป ไม่ให้ไขมันชนิดเลวได้เข้าสู่กระแสเลือดของเราอย่างสะดวกอีกด้วยนะ

4. หน่อไม้ฝรั่ง

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          หน่อไม้ฝรั่ง หรือแอสพารากัส ผักที่มีความกรุบกรอบชนิดนี้มีไฟเบอร์สูงมาก กินเข้าไปแล้วจึงรู้สึกอิ่มอยู่ท้องได้ค่อนข้างนาน อีกทั้งยังเป็นผักที่ให้พลังงานค่อนข้างต่ำ โดยหน่อไม้ฝรั่ง 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 20 กิโลแคลอรีเท่านั้นเองค่ะ

          อ้อ ! ที่สำคัญไฟเบอร์ในหน่อไม้ฝรั่งยังเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ จึงสามารถช่วยละลายไขมันชนิดเลวในร่างกาย และคงระดับไขมันชนิดดีหรือ HDL ในร่างกายไปด้วยในตัว ทว่าก่อนจะรับประทานหน่อไม้ฝรั่ง แนะนำให้ลวก นึ่ง หรือปรุงให้สุกก่อนทุกครั้งนะคะ เพราะหน่อไม้ฝรั่งเป็นผักชนิดเปลือกและเนื้อแข็ง การปรุงให้สุกก็เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

5. กะหล่ำปลี

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          เห็นเป็นผักเรียบ ๆ ราคาไม่แรง แต่คุณค่าทางสารอาหารของกะหล่ำปลีนี่เริดสะแมนแตนเลยเชียวล่ะ เพราะกะหล่ำปลีเพียง 100 กรัม ก็ให้ไฟเบอร์มากถึง 2.5 กรัม จัดว่าเป็นผักไฟเบอร์สูงชนิดหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งก็อย่างที่รู้กันล่ะค่ะว่าไฟเบอร์มีส่วนช่วยให้เราอิ่มอยู่ท้อง ช่วยในกระบวนการขับถ่ายของเสีย และเมื่อการขับถ่ายของร่างกายคล่องตัว กระบวนการกำจัดไขมันชนิดเลวออกจากร่างกายก็จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

6. ข้าวโอ๊ต

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยเมนูข้าวโอ๊ตสักถ้วยจะเป็นอะไรที่ดีต่อใจของคนอยากลดน้ำหนักและลดไขมันในเลือดมาก เพราะนอกจากข้าวโอ๊ตจะมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้เป็นจำนวนมากแล้ว ธัญพืชไม่ขัดสีอย่างข้าวโอ๊ตยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกมากล้ำเลยล่ะค่ะ นั่นก็เท่ากับว่า ร่างกายเราจะมีไฟเบอร์จากข้าวโอ๊ตช่วยกำจัดไขมันชนิดไม่ดี โดยในขณะเดียวกันก็จะได้รับสารอาหารสำคัญต่อกระบวนการทำงานของร่างกายและสมองไปพร้อมกันด้วย เจ๋งสุด ๆ ไปเลย

7. บลูเบอร์รี

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          ถ้าเป็นคนที่ไม่ถนัดกินผัก ลองรับไฟเบอร์จากผลไม้อย่างบลูเบอร์รีแทนก็ได้ค่ะ เพราะบลูเบอร์รีประมาณ 1 ถ้วยตวง ก็ให้ไฟเบอร์ได้เท่าปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน หนำซ้ำบลูเบอร์รียังเป็นผลไม้ให้พลังงานต่ำ ที่สำคัญผลการศึกษายังเผยด้วยว่า บลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาระดับอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่รู้สึกหิวจุบจิบบ่อย ๆ และสารอาหารรวมทั้งไฟเบอร์ในบลูเบอร์รียังมีส่วนช่วยขจัดเซลล์ไขมันในร่างกายได้อีกทางหนึ่งด้วย

8. ดาร์กช็อกโกแลต
อาหารลดคอเลสเตอรอล

          ความจริงแล้วช็อกโกแลตไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนไดเอต เพียงแต่ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะนั่นคือ ประมาณ 198 กรัมต่อสัปดาห์ หรือประมาณวันละ 28 กรัม และทางที่ดีเราแนะนำให้กินแบบดาร์กช็อกโกแลตดีกว่า เพราะในดาร์กช็อกโกแลตมีโกโก้เป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 70 นั่นหมายความว่า ดาร์กช็อกโกแลตเป็นช็อกโกแลตที่เต็มไปด้วยสารแอนตี้ออกซิเดนท์ สารสำคัญอีกชนิดที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้

          นอกจากนี้ในดาร์กช็อกโกแลตยังมีกรดโอเลอิก (Oleic Acid) กรดไขมันสำคัญต่อสมอง ช่วยให้สมองสั่งการความรู้สึกอิ่มของร่างกายได้ ดังนั้นคนที่กำลังไดเอตก็ควรพกดาร์กช็อกโกแลตบาร์เล็ก ๆ ติดตัวไว้บ้างยามเมื่อปากทำท่าจะใหญ่กว่าท้อง !

9. มะเขือเทศ

อาหารลดคอเลสเตอรอล

          อย่าลืมว่ามะเขือเทศมีความฉ่ำน้ำ กินเข้าไปแล้วจะช่วยยับยั้งให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหารได้ประมาณนึง อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่เผยว่า มะเขือเทศมีไลโคปีน สารสำคัญที่ช่วยยับยั้งไขมันชนิดไม่ดีในร่างกาย และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ในมะเขือเทศยังจะช่วยกำจัดเซลล์ไขมัน LDL ที่อ้อยอิ่งอยู่ในร่างกายออกไปพร้อมกัน

10. ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
อาหารลดคอเลสเตอรอล

          ข้อมูลจากเว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยว่า หากรับประทานถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองได้วันละ 25 กรัมโดยประมาณ จะมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้มากกว่า 5-6% เลยทีเดียว นอกจากนี้ถั่วเหลืองยังมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะถั่วเหลืองเพียง 100 กรัม มีไฟเบอร์มากถึง 4.7 กรัม ที่สำคัญถั่วเหลืองในปริมาณเท่านี้ยังพกโปรตีนมาถึง 34 กรัมเลยนะคะ รับรองว่ากินถั่วเหลืองแล้วจะอิ่มอยู่ท้องแน่ ๆ โดยเฉพาะหากกินถั่วเหลืองต้มสุกที่ยังคงอยู่ในลักษณะเต็มเม็ด ซึ่งจะได้ใยอาหารจากถั่วเหลืองมากขึ้น

          กินหนึ่งได้ถึงสองสรรพคุณแบบนี้ ใครอยากมีสุขภาพดีและรูปร่างที่เริดก็ไม่ควรมองข้ามอย่างแรง

และอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คือ Lipotwin

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เผาผลาญไขมันส่วนเกิน สารสกัดจากธรรมชาติ 100% มีส่วนผสมจาก ผงบุก และส้มแขก ซึ่งปลูกแบบออร์แกนิค จึงช่วยลดน้ำหนักกระชับสัดส่วนอย่างปลอดภัย เพราะไม่มีส่วนประกอบของยากดประสาท หรือสารเคมี

ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัย ลดจริง!!

พี่แอนทานไลโปทวินก่อนอาหารเช้าและเย็น 30 นาที ครั้งละ 2 เม็ด นาน 6 เดือน

ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือขอรับปรึกษาได้ฟรี!


Tel : 086-357-1000

Line : lp_twin , @lipotwin (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)

หรือคลิ๊ก>> http://line.me/ti/p/~lp_twin 

Facebook : Lipotwin Official >>https://www.facebook.com/Lipotwin/